น้องแมวน่ารัก
น้องแมวน่ารัก รวบรวมเรื่องราวน่ารู้ที่คนรักแมวต้องอ่าน ข้อแนะนำก่อนตัดสินใจเลี้ยงแมว รีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับบำเรอเจ้าเหมียวน้อย
Tuesday, February 19, 2013
Friday, February 15, 2013
การตัดเล็บแมว
แมวส่วนใหญ่จะทำการลับเล็บเพื่อให้เล็บเก่าหลุดออกไป
โดยการลับเล็บกับโซฟา หรือข้าวของต่างๆ อาจทำให้เสียหายได้
นอกจากเราจะมีที่ลับเล็บสำหรับแมวแล้ว
เราสามารถตัดเล็บให้แมวได้ค่ะ
โดยเฉพาะแมวที่เลี้ยงระบบปิด เล็บจะมีความยาวกว่าแมวที่อยู่นอกบ้านเป็นธรรมดา
เพราะไม่ได้ออกไปพจญภัยมากนัก
ขั้นตอนการตัดเล็บแมว
- อุ้มแมวนั่งตักหันหน้าและแขนออกไปทางด้านซ้ายหรือขวาตามที่คุณถนัด
- จับมือแมวออกมาอย่างเบามือ แล้วกดมือเบาๆเพื่อให้เล็บแมวโผล่ออกมา
- ใช้อุปกรณ์สำหรับตัดเล็บแมว
เล็บแมวจะมีเนื้อเยื่อ เส้นประสาทด้านใน หากสังเกตดีๆจะเห็นเป็นสีแดงด้านในเล็บ
ตัดปลายเล็บ ทำมุม 45 องศา
ควรระวัง ไม่ตัดให้โดนเนื้อด้านในเล็บ เพราะจะทำให้เลือดไหลได้ - หากแมวไม่ยอมหรือพยามยามจะลุกหนีไม่ควรบังคับ เพราะแมวจะไม่ยอมให้ตัด
ควรให้ระยะเวลากับเค้าโดยการชวนเล่นหรือลูบขนเบาๆเอาใจ
อุปกรณ์สำหรับตัดเล็บแมว
รูปการตัดเล็บแมว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก BlogGang Tangme's
Wednesday, January 30, 2013
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับแมว
อาหารบางอย่างอาจไม่มีอันตรายกับมนุษย์แต่เป็นอันตรายต่อแมว เจ้าของแมวจึงควรระวังอย่าให้แมวรับประทานอาหารต่อไปนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก pantip.com
Saturday, January 26, 2013
ยาสำหรับน้องเหมียว
ยาแก้แพ้ chlorpheniramine maleate มีทั้งเม็ดและน้ำ กระปุกละ 15 บาทเม็ด ถ้าเป็นขวดละ 20 บาท ยาน้ำกินยากหน่อยมันเหนียวและข่ม ใช้เวลาจามมีน้ำมูก พวกแพ้ อากาศ ลดอาการคันตามผิวหนังให้กินคู่กับแมวเด็กกินครึ่งเม็ด แมวโตกิน1เม็ด เช้าเย็น Flemex ยาแก้ไอละลายเสมหะ(ของคนเนี่ยล่ะ) ขวดละไม่เกิน 50 บาท ให้กินคู่กับยาแก้แพ้เวลาแมวเป็นหวัด เพราะยาแก้แพ้จะทำให้น้ำมูกแห้งไปลงทีคอแทนแมวจะไอแล้วจะทำให้ตาเจ็บขึ้นมา ได้(สังเกตุง่ายๆถ้าแมวมีอาการขี้ตาแฉะเค้าป่วยแล้วล่ะ) แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น Toflex 250 dry เป็นยาฆ่าเชื้อเยื่อบุผิวหนัง ขวดละไม่เกิน80บาท เป็นยาน้ำผสมน้ำแล้วใช้ได้ 7 วัน ต้องทิ้งเลย ส่วนมากหมอจะจ่ายให้ในการรักษาคู่กับ ไรหู เชื้อรา เยื่อบุผิวหนังต่างๆ แผลในช่องปาก ส่วนกรณีคันผิวหนังตามผิวหนังหมอจะจ่ายคู่กับแก้แพ้ chlorpheniramine maleate แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น Cavumox156ml ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ ติดเชื้อต่างๆ ขวดละไม่เกิน 80 บาท แนะนำให้ซื้อของบ.สยามฟามาซูติคอลจะถูกกว่ายี่ห้ออื่น เป็นยาน้ำผสมน้ำแล้วใช้ได้ 7 วัน ต้องทิ้งเลย เวลาที่ตาอักเสบขี้ตาเขียว รวมถึงมีอาการบวมที่ตาด้วย หรือมีน้ำมูกเขียวกินคู่กับแก้แพ้ chlorpheniramine maleate ท้องเสียรุนแรง แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น Disento เป็นยาแก้ท้องเสียรักษาเชื้อบิด เป็นยาน้ำ ขวดประมาณ 20 บาท แก้ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำมีมูกเลือดกินต่อเนื่อง7วันเพื่อฆ่าเชื้อบิดให้หมด ครวกินคู่กับ Cavumox เพื่อคุมเชื้อด้วย กินเช้าเย็น ท่าหนักก็เสริม คาวูม็อกซ์ซักครั้ง แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น poly-oph ยาหยดตา ฝาสีฟ้า ขวดละ 22-35 บาท รักษาอาการตาเจ็บ ตัวนี้ค่อนข้างปลอดภัยไม่แรงมากแมวเด็กใช้ได้ หยดวันละสามถึงสี่รอบ terramycin ขี้ผึ้งป้ายตา หลอดละ 20 บาท ใช้ป้ายทุกเช้าเย็น ถ้าหากมีอาการอักเสบมาก กินยาCavumoxช่วยวันละครั้ง (ทำความสะอาดตาก่อนป้ายขี้ผึ้งด้วยนะ) potal น้ำยาล้างตา ขวดละไม่เกิน50บาทใช้เช็ดตาทุกเช้าสำหรับแมวที่มีน้ำตาเยอะ ค่อนข้างดีกับแมวไม่ระคายเคลือง desoryl ยารักษาไรหู ขวดประมาณ 200 บาท(หมอคิดตั้ง 350) หาชื้อได้ตามร้านแพ็ทช้อป หยดทุกวันติดต่อกันสองอาทิตย์ เช้าเย็น ก่อนหยดควรทำความสะอาดหูให้เรียบร้อยก่อน sporal 100 ยาเชื้อรา สำหรับคน ถ้าติดจากแมว กินเช้าเย็นเลย เวลาเป็นจะคันมาก(เพราะเคยเป็นมาแล้ว) ต้องกินยาสองอาทิตย์เลย ทาคันมากใช้คาเนสเทน ช่วยบรรเทาอาการตคัน ทาบ่อยๆ สำคัญมากเพราะทายาเดียวไม่หาย ปล.ยาทั้งหมดนี้เป็นยาที่หมอจัดให้แมวที่บ้านที่เคยป่วยมาทั้งนั้นจ๊ะ ซื้อติดบ้านไว้ประหยัดกว่าไปหาหมอกว่า แต่ท่ารักษาเอง3-4 วันอาการไม่ดีขึ้นแนะนำพาให้หาหมอตรวจหาต้นเหตุดีกว่านะค่ะ |
ที่มา : www.trangpets.com |
ในส่วนตัวของ WM เองที่จะมีติดบ้านเพิ่มคือ Tofedine 6 มก. (1 เม็ด สำหรับแมว/สุนัข ที่มีน้ำหนัก 1.5 กก.) (ยาสัตว์) เป็นยาบรรเทาปวด ลดไข้สำหรับลูกสุนัขและแมวโดยเฉพาะ WM จะใช้ในเวลาที่แมวที่บ้านมีอาการตัวร้อนจัด แต่หากทานแล้วอาการตัวร้อนยังไม่ยอมลด หรืออาการไม่ดีขึ้น ก็ควรรีบพาไปหาหมอเร็วที่สุด ยานี้ค่อนข้างอันตราย ควรอ่านข้อบ่งใช้ก่อนใช้ยา และไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 3 วัน Rowatinex (ยาคน) เป็นยาลดการหดเกร็งของท่อทางเดินปัสสาวะ และอาการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดนิ่ว และยังช่วยละลายและขับก้อนนิ่วในไต กินครั้งละ 1 เม็ด เช้า และเย็น WM จะใช้ในกรณีที่แมวมีอาการฉี่ไม่ค่อยออก ฉี่กระปริบประปรอย หรือมีอาการเบ่งฉี่ แต่หากทานแล้วภายใน 1-2 วัน อาการไม่ดีขึ้น ก็ต้องรีบพาหาหมอ Baytrill 50 mg (ยาสัตว์) เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ตัวยาที่ออกฤทธิ์คือ Enrofloxacin คุรหมอมักจะจ่ายยาตัวนี้มาให้ในกรณีที่มีการติดเชื้อ เช่นฝี หนอง ท้องเสีย หรือมีการอักเสบติดเชื้อ WM จึงมักจะมียาตัวนี้ติดบ้านอยู่เป็นประจำ กินครั้งละ ครึ่งเม็ด วันละครั้ง ( 1 เม็ด / นน. 10 กก.) Hepalac (ยาคน) สำหรับน้องแมวที่มีอาการถ่ายไม่ออก ท้องผูก หรือถ่ายลำบาก เพราะอุจจาระแข็ง เป็นยาที่ช่วยทำให้อุจจาระนิ่มตัว ทำให้ถ่ายง่ายขึ้น ในกรณีที่ไม่ท้องผูกมาก กินครั้งละ 3 ซีซี วันละ 1 ครั้ง หากมีอาการท้องผูกมาก กินครั้งละ 4-5 ซีซี วันละ 1 ครั้ง Trinolone (ไตรโนโลน ชนิดป้ายปาก) (ยาคน) เป็นยาป้ายปาก เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ อาการปวด บนเยื่อบุภายในปาก หรือบนลิ้น ที่เกิดจากสาเหตุ เช่นถูกความร้อน ฟันขบ ถูกสารเคมี อาหารไม่ย่อย แต่ห้ามใช้กับแผลภายในปากที่เกิดจากเชื้อไวรัส น้องแมวที่มีอายุมาก หรือน้องแมวที่ป่วย มักจะมีอาการปากเป็นแผล หรือลิ้นเป็นแผล บีบยาใส่ค็อตต้อนบัด หรือนิ้วมือ ป้ายเข้าไปในช่องปากหรือลิ้น น้องเหมียวอาจจะมีอาการน้ำลายฟูมปาก ไม่ต้องตกใจน่ะค่ะ ไม่ได้มีอันตราย เพียงแค่เขาไม่ชอบกลิ่น และรสชาด (เมนทอลนิดๆเย็นหน่อยๆ) |
การใช้ยาทุกชนิดต้อง ใช้ด้วยความระมัดระวัง และควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอ หากใช้ยาแล้วไม่ได้ผลภายใน 1-2 วัน ควรรีบพาน้องเหมียวของท่านไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.rakmaw.com
Thursday, January 24, 2013
การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น
การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น
วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ
เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า
** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป
- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)
- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.
- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อก ซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม
ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน
ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง
อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)
ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง
มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้
ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.catandkittenstory.com (เครดิตพี่รุ่ง กรุงสยามฟาร์ม)
วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ
เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า
** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป
- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)
- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.
- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อก ซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม
ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน
ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง
อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)
ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง
มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้
ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.catandkittenstory.com (เครดิตพี่รุ่ง กรุงสยามฟาร์ม)
เรื่องน่ารู้ของน้องแมว
1. แมวจะไม่ทักทายกันโดยการสัมผัสทางจมูก
สาเหตุ ที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง
2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย
ส่วน ใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่
3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์
เจ้า เหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง
4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้
แมว ที่อายุยังน้อย จะครางได้เสียงเดียว ไม่มีเสียงสูง-เสียงต่ำ อะไรทั้งนั้น ในขณะที่แมวอายุมากขึ้น จะสามารถครางได้หลายสุ้มเสียง เสียงทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ก้องบ้าง แตกต่างกันไปตามอารมณ์ของมัน
5. เสียงครางของแมว เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ?
จน ถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของเสียงครางครืด ๆ ในลำคอของเจ้าเหมียวว่ามันมาจากอวัยวะส่วนไหน แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในระบบหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในลำคอก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
สาเหตุ ที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง
2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย
ส่วน ใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่
3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์
เจ้า เหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง
4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้
แมว ที่อายุยังน้อย จะครางได้เสียงเดียว ไม่มีเสียงสูง-เสียงต่ำ อะไรทั้งนั้น ในขณะที่แมวอายุมากขึ้น จะสามารถครางได้หลายสุ้มเสียง เสียงทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ก้องบ้าง แตกต่างกันไปตามอารมณ์ของมัน
5. เสียงครางของแมว เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ?
จน ถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของเสียงครางครืด ๆ ในลำคอของเจ้าเหมียวว่ามันมาจากอวัยวะส่วนไหน แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในระบบหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในลำคอก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
6. แมวเลือกเสียงครางเวลาจะเล่นกับเจ้าของ
เวลา ที่เจ้าเหมียวอยากจะส่งเสียงครางออดอ้อน ออเซาะ คลอเคลียกับเจ้าของ มันจะใช้โทนเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับมันยังเป็นลูกแมวอยู่ แต่ถ้าพวกมันเล่นกับแมวด้วยกันเอง มันจะใช้โทนเสียงผู้ใหญ่นี่แหละ เพราะไม่ต้องไปออดอ้อนใครล่ะมั้ง
7. ช็อกโกแลต ของอันตรายสำหรับแมว
ถ้า คุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินช็อกโกแลต ก็ขอให้เก็บช็อกโกแลตไว้ให้พ้นสายตาหรือจมูกของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะช็อกโกแลตที่แสนอร่อยของเรานั้น กลับเป็นอันตรายต่อแมว เพราะเมื่อแมวกินช็อกโกแลตจะทำให้มันป่วยหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
8. แมวชอบงีบมากกว่านอนยาว
ถ้า ใครที่เลี้ยงแมว คงจะรู้ว่า แมวนั้นขี้เซาจริง ๆ เล่นกันอยู่ซักประเดี๋ยว หันไปอีกที มันก็แวบไปหาที่นอน แต่ความจริงแล้ว มันไปงีบต่างหากล่ะ เพราะแมวชอบงีบมากกว่านอนหลับไปเลย แต่ถ้ามันไปนอนหลับจริง ๆ และหลับลึกพอแล้วล่ะก็ มันก็จะฝัน เพราะการฝันช่วยให้มันผ่อนคลายความรู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่ มันพบเจอมาในวันนั้นนั่นเอง
9. แมวไม่ชอบสบตาใคร
พฤติกรรม อย่างหนึ่งของแมวที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ก็คือ แมวจะกระพริบตาและหรี่ตาก็เมื่อมันต้องมีเหตุให้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น เวลามันเจอแมวที่ไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญหันมาสบตากันเป๊ะ มันก็จะหรี่ตาแล้วก็หันไปทางอื่น หรือแม้กระทั่ง ถ้าคุณลองจ้องตามัน มันก็จะกระพริบตา หรี่ตา และก็เบือนหน้าไปทางอื่น อ่ะ.. ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปทำจ้องตามันดูนะ
10. จังหวะการเต้นของหัวใจน้องเหมียว
โดย เฉลี่ยแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของมันด้วย ซึ่งยิ่งมันมีอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจมันก็จะเร็วกว่าแมวที่มีอายุมากแล้ว
11. แมวไม่เข้าใจว่ามันกำลังถูกทำโทษ!
บาง ทีเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงน่ะ ก็ดื้อซะเหลือเกิน ฝนเล็บที่โซฟาตัวโปรดของคุณบ้างล่ะ วิ่งเล่นชนข้าวของกระจายบ้างล่ะ แต่ถึงแม้คุณจะตี จะทำโทษมันซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาชมมันหรือให้รางวัลมันเวลามันทำตัวดี แทนการตีมัน น่าจะดีกว่านะ
12. เคี้ยวเนื้อดิบเสริมสร้างสุขภาพฟัน
คุณ รู้หรือไม่ว่า การให้เนื้อดิบ ๆ แก่เจ้าเหมียวไปแทะ ไปเคี้ยวเล่นทุกวัน เป็นการช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะจะบอกให้ เนื้อที่เหมาะแก่การเคี้ยวของเจ้าเหมียวนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์ปีก เนื้อวัว หรือเนื้อกระต่าย แต่อย่าลืมเอากระดูกออกให้หมดก่อนโยนให้มันล่ะ เพราะแมวไม่ใช่หมานะจ๊ะที่จะชอบแทะกระดูกน่ะ
13. แมวทนร้อนได้ดีจัง เพราะอะไรกันนะ?
ถ้า
คุณเคยตั้งข้อสงสัยว่า แมวของคุณทำไมถึงทนร้อนได้ดีเหลือเกิน
โปรดจงรู้ไว้ว่า
นั่นก็เพราะบรรพบรุษของแมวเมื่อครั้งก่อนนู้นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล
ทรายมาโดยกำเนิดนั่นเองเวลา ที่เจ้าเหมียวอยากจะส่งเสียงครางออดอ้อน ออเซาะ คลอเคลียกับเจ้าของ มันจะใช้โทนเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับมันยังเป็นลูกแมวอยู่ แต่ถ้าพวกมันเล่นกับแมวด้วยกันเอง มันจะใช้โทนเสียงผู้ใหญ่นี่แหละ เพราะไม่ต้องไปออดอ้อนใครล่ะมั้ง
7. ช็อกโกแลต ของอันตรายสำหรับแมว
ถ้า คุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินช็อกโกแลต ก็ขอให้เก็บช็อกโกแลตไว้ให้พ้นสายตาหรือจมูกของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะช็อกโกแลตที่แสนอร่อยของเรานั้น กลับเป็นอันตรายต่อแมว เพราะเมื่อแมวกินช็อกโกแลตจะทำให้มันป่วยหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
8. แมวชอบงีบมากกว่านอนยาว
ถ้า ใครที่เลี้ยงแมว คงจะรู้ว่า แมวนั้นขี้เซาจริง ๆ เล่นกันอยู่ซักประเดี๋ยว หันไปอีกที มันก็แวบไปหาที่นอน แต่ความจริงแล้ว มันไปงีบต่างหากล่ะ เพราะแมวชอบงีบมากกว่านอนหลับไปเลย แต่ถ้ามันไปนอนหลับจริง ๆ และหลับลึกพอแล้วล่ะก็ มันก็จะฝัน เพราะการฝันช่วยให้มันผ่อนคลายความรู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่ มันพบเจอมาในวันนั้นนั่นเอง
9. แมวไม่ชอบสบตาใคร
พฤติกรรม อย่างหนึ่งของแมวที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ก็คือ แมวจะกระพริบตาและหรี่ตาก็เมื่อมันต้องมีเหตุให้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น เวลามันเจอแมวที่ไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญหันมาสบตากันเป๊ะ มันก็จะหรี่ตาแล้วก็หันไปทางอื่น หรือแม้กระทั่ง ถ้าคุณลองจ้องตามัน มันก็จะกระพริบตา หรี่ตา และก็เบือนหน้าไปทางอื่น อ่ะ.. ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปทำจ้องตามันดูนะ
10. จังหวะการเต้นของหัวใจน้องเหมียว
โดย เฉลี่ยแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของมันด้วย ซึ่งยิ่งมันมีอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจมันก็จะเร็วกว่าแมวที่มีอายุมากแล้ว
11. แมวไม่เข้าใจว่ามันกำลังถูกทำโทษ!
บาง ทีเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงน่ะ ก็ดื้อซะเหลือเกิน ฝนเล็บที่โซฟาตัวโปรดของคุณบ้างล่ะ วิ่งเล่นชนข้าวของกระจายบ้างล่ะ แต่ถึงแม้คุณจะตี จะทำโทษมันซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาชมมันหรือให้รางวัลมันเวลามันทำตัวดี แทนการตีมัน น่าจะดีกว่านะ
12. เคี้ยวเนื้อดิบเสริมสร้างสุขภาพฟัน
คุณ รู้หรือไม่ว่า การให้เนื้อดิบ ๆ แก่เจ้าเหมียวไปแทะ ไปเคี้ยวเล่นทุกวัน เป็นการช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะจะบอกให้ เนื้อที่เหมาะแก่การเคี้ยวของเจ้าเหมียวนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์ปีก เนื้อวัว หรือเนื้อกระต่าย แต่อย่าลืมเอากระดูกออกให้หมดก่อนโยนให้มันล่ะ เพราะแมวไม่ใช่หมานะจ๊ะที่จะชอบแทะกระดูกน่ะ
13. แมวทนร้อนได้ดีจัง เพราะอะไรกันนะ?
Credit : http://board.postjung.com/605472.html
วิธีดูแลลูกแมว
วิธีเลี้ยงน้องเหมียวน้อย[ลูกแมว]
แมว
เป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์นิยมนำมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมากอีกชนิดหนึ่งรอง
จากสุนัข เมื่อเรานำมาเลี้ยงแล้ว คงต้องมีความรู้เกี่ยวกับแมวให้มากที่สุด
เพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติกับมันอย่างดี
มีผลถึงสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของเจ้าเหมียวดีขึ้น
การเลี้ยงลูกแมว กำพร้าแม้ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง
1.โภชนาการและการหย่านม
2.สุขอนามัย
3.อุณหภูมิและความชื้น
4.การป้องกันโรค
5.การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
ลูก แมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา
โภชนาการและการหย่านม
ลูก แมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้
การให้อาหารแบบ หลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดย่างไม่ตั้งใจทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำมันผาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบาๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ
ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ
ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง
ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่
ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง
ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์
สัญญาณ แรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น
สุขอนามัย
ลูก แมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมากๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก
อุณหภูมิและความชื้น
ลูก แมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูง เกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้นเพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง จนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97 องศาฟาเรนไฮต์
ควรรักษาความชื้น โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว
การป้องกันโรค
ลูก แมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดีมากมาย ซึ่งแอนติบอดีจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์
การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
เรา ควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษที่สุด
---------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก www.vet.ku.ac.th
การเลี้ยงลูกแมว กำพร้าแม้ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง
1.โภชนาการและการหย่านม
2.สุขอนามัย
3.อุณหภูมิและความชื้น
4.การป้องกันโรค
5.การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
ลูก แมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา
โภชนาการและการหย่านม
ลูก แมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้
การให้อาหารแบบ หลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดย่างไม่ตั้งใจทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำมันผาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบาๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ
ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ
ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง
ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่
ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง
ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์
สัญญาณ แรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น
สุขอนามัย
ลูก แมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมากๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก
อุณหภูมิและความชื้น
ลูก แมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูง เกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้นเพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง จนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97 องศาฟาเรนไฮต์
ควรรักษาความชื้น โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว
การป้องกันโรค
ลูก แมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดีมากมาย ซึ่งแอนติบอดีจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์
การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม
เรา ควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษที่สุด
---------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก www.vet.ku.ac.th
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://nampingpasusad.co.th
Subscribe to:
Posts (Atom)