Tuesday, February 19, 2013

ของเล่นสำหรับน้องเหมียวมีอะไรบ้างนะ?




Batting Toys : ของเล่นสำหรับตบ
ของเล่นประเภทนี้ เหมาะกับแมวที่มีความเป็นนักล่า
ในตัวกระดาษหรือฟอยล์อะลูมิเนียมขยำเป็นก้อนแกนกระดาษทิชชู หรือตุ๊กตายัดนุ่น สามารถนำมาใช้เป็นของเล่นได้ โดยให้แมววิ่งไล่ตะครุบ บางตัวอาจนอนหงายใช้สองขาหน้าจับตุ๊กตาไว้ แล้วใช้ขาหลังถีบยัน ของเล่นสมัยใหม่มักผลิตให้มีเสียง สั่นได้ และเคลื่อนไหวได้เพื่อให้ดึงดูดความสนใจจากแมวมากยิ่งขึ้นค่ะ

Suspended Toys : ของเล่นแขวนผูกสาย
สายตาของแมวออกแบบให้ถูกดึงดูดค
วามสนใจได้ง่ายจากวัตถุที่เคลื่อนไหว ของเล่นกลุ่มนี้อาศัยการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่นอนของตุ้มที่เป็นเหยื่อที่ติดไว้กับลูกบิดประตู หรือบริเวณที่แมวชอบขึ้นไปปีนป่ายค่ะ

Interactive Toys : ของเล่นที่เจ้าของมีส่วนร่วม
สำหรับเจ้าของที่อยากมีส่วนร่วมในการเล่นกับแมว มีของเล่นหลายชนิดให้เลือก เช่น เบ็ดแมว เลเซอร์พอยท์เตอร์ให้แมววิ่งไล่ตามแสง หรือลูกบอลและห่วงขนาดเล็กที่โยนให้แมวเพื่อให้นำกลับมาให้เจ้าของ (อันนี้ต้องอาศัยการฝึก) อีกกิจกรรมที่แนะนำสำหรับเจ้าของที่มีอ่างอาบน้ำที่บ้านคือ การโยนลูกปิงปองลงไปในอ่างเพื่อให้แมววิ่งไล่จ้า

Toys for hiding : ของเล่นสำหรับหลบซ่อน
สำหรับแมวที่มีนิสัยเป็นสุดยอดน
ักสำรวจ ขอเสนอของเล่นใกล้ตัวอย่างลังกระดาษ และถุงกระดาษครับ จะวางคว่ำหรือวางตะแคงก็ได้ แมวมักจะสนุกกับการเข้าไปสำรวจและซ่อนตัวอยู่ในนั้น ข้อควรระวังคือห้ามใช้ถุงพลาสติกเด็ดขาดครับ เพราะแมวซนอาจเล่นจนขาดอากาศได้ค่ะ

รู้แบบนี้แล้ว เย็นนี้รีบกลับไปเล่นกับน้องเหม
ียวกันเถอะ
cr: pantip pet

Friday, February 15, 2013

การตัดเล็บแมว


      แมวส่วนใหญ่จะทำการลับเล็บเพื่อให้เล็บเก่าหลุดออกไป
      โดยการลับเล็บกับโซฟา หรือข้าวของต่างๆ อาจทำให้เสียหายได้
      นอกจากเราจะมีที่ลับเล็บสำหรับแมวแล้ว
      เราสามารถตัดเล็บให้แมวได้ค่ะ
      โดยเฉพาะแมวที่เลี้ยงระบบปิด เล็บจะมีความยาวกว่าแมวที่อยู่นอกบ้านเป็นธรรมดา
      เพราะไม่ได้ออกไปพจญภัยมากนัก


ขั้นตอนการตัดเล็บแมว

  • อุ้มแมวนั่งตักหันหน้าและแขนออกไปทางด้านซ้ายหรือขวาตามที่คุณถนัด
  • จับมือแมวออกมาอย่างเบามือ แล้วกดมือเบาๆเพื่อให้เล็บแมวโผล่ออกมา
  • ใช้อุปกรณ์สำหรับตัดเล็บแมว
    เล็บแมวจะมีเนื้อเยื่อ เส้นประสาทด้านใน หากสังเกตดีๆจะเห็นเป็นสีแดงด้านในเล็บ
    ตัดปลายเล็บ ทำมุม 45 องศา
    ควรระวัง ไม่ตัดให้โดนเนื้อด้านในเล็บ เพราะจะทำให้เลือดไหลได้
  • หากแมวไม่ยอมหรือพยามยามจะลุกหนีไม่ควรบังคับ เพราะแมวจะไม่ยอมให้ตัด
    ควรให้ระยะเวลากับเค้าโดยการชวนเล่นหรือลูบขนเบาๆเอาใจ 


อุปกรณ์สำหรับตัดเล็บแมว



 
รูปการตัดเล็บแมว

 



ขอขอบคุณข้อมูลจาก BlogGang Tangme's

Wednesday, January 30, 2013

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับแมว

อาหารบางอย่างอาจไม่มีอันตรายกับมนุษย์แต่เป็นอันตรายต่อแมว เจ้าของแมวจึงควรระวังอย่าให้แมวรับประทานอาหารต่อไปนี้

1. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์เป็นส่วนผสม
จะทำให้เกิดอาการมึนเมา โคม่า หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้

2. กระดูกปลา กระดูกสัตว์ปีก และกระดูกจากเนื้ออื่นๆ
จะทำให้เกิดการติดขัดในระบบทางเดินอาหาร

3. ปลาทูน่ากระป๋อง (แบบขายสำหรับให้คนกิน)
การบริโภคปริมาณมากจะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากทูน่ากระป๋องสำหรับคน ไม่มีปริมาณวิตามินและเกลือแร่ที่พอเพียงสำหรับแมว

4. ช๊อกโกแลต กาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
อาจจะทำให้เกิดภาวะเป็นพิษในแมว มีผลต่อระบบหัวใจและประสาท

5. อาหารสุนัข
การให้อาหารสุนัขเป็นประจำ จะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและมีผลต่อระบบหัวใจ

6. องุ่น และลูกเกต
มีสารที่เป็นพิษสำหรับแมว และทำให้เกิดความเสียหายต่อไต

7. วิตามินและอาหารเสริมของคนที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก
จะทำให้เกิดความเสียหายในระบบทางเดินอาหาร และอาจจะเป็นพิษต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะ ตับและไต

8. การให้ตับในปริมาณสูง (เว๊บไม่ได้บอกว่าตับอะไร)
อาจทำให้เกิดภาวะ วิตามินเอเป็นพิษ ซึ่งมีผลต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก


11. นมและผลิตภัณท์เกี่ยวกับนม
แมวบางตัว(ย้ำว่าบางตัว) ไม่มีเอนไซน์แลคเตสสำหรับย่อยแลกโตสในนม
จะทำให้เกิดภาวะท้องเสียได้ ผลิตภัณท์นมสำหรับแมวจะเป็นกลุ่ม ปราศจากแลคโตส

12. เห็ด (ไม่ได้ระบุชนิดเห็ดไว้)
เห็ดอาจมีสารเป็นพิษสำหรับแมว อาจส่งผลต่อหลายๆระบบในร่างกาย ทำให้เกิดอาการช๊อก และถึงขั้นเสียชีวิตได้

13. หัวหอมและกระเทียม ( ดิบ  ปรุงแล้ว ผง)
อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเม็ดเลือดแดง และเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงต่ำ กระเทียมจะมีภาวะความเป็นพิษต่ำกว่าหัวหอม

14. อาหารเด็กสำเร็จรูป
เนื่องจากอาหารเด็กสำเร็จรูปมักจะมีส่วนประกอบของผงหัวหอม ซึ่งเป็นพิษดังกล่าวข้างต้น

15. มันฝรั่ง  ใบมะเขือเทศ ลำต้นมันฝรั่งและมะเขือเทศ
มีสารออกซาเลต ซึ่งอาจมีผลต่อระบบย่อยอาหาร ระบบประสาท และระบบปัสสวะ

16. ไข่ดิบ
ไข่ดิบมีเอนไซน์เรียกว่า avidin ซึ่งจะทำให้ระดับ วิตามิน B ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาขนและผิวหนัง

17. เกลือ

มีแนะนำอีกบางอย่างแต่ดูแล้วคนทั่วไปคงไม่ให้แมวกิน เช่น ยาสูบ อาหารเหลือจากคน ขนมหวาน แป้ง ด้าย  สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.peteducation.com/general/404.cfm

ขอขอบคุณข้อมูลจาก pantip.com

Saturday, January 26, 2013

ยาสำหรับน้องเหมียว


ยาแก้แพ้ chlorpheniramine maleate
มีทั้งเม็ดและน้ำ กระปุกละ 15 บาทเม็ด ถ้าเป็นขวดละ 20 บาท
ยาน้ำกินยากหน่อยมันเหนียวและข่ม ใช้เวลาจามมีน้ำมูก พวกแพ้ อากาศ ลดอาการคันตามผิวหนังให้กินคู่กับแมวเด็กกินครึ่งเม็ด แมวโตกิน1เม็ด เช้าเย็น

Flemex
ยาแก้ไอละลายเสมหะ(ของคนเนี่ยล่ะ) ขวดละไม่เกิน 50 บาท ให้กินคู่กับยาแก้แพ้เวลาแมวเป็นหวัด เพราะยาแก้แพ้จะทำให้น้ำมูกแห้งไปลงทีคอแทนแมวจะไอแล้วจะทำให้ตาเจ็บขึ้นมา ได้(สังเกตุง่ายๆถ้าแมวมีอาการขี้ตาแฉะเค้าป่วยแล้วล่ะ) แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น

Toflex 250 dry
เป็นยาฆ่าเชื้อเยื่อบุผิวหนัง ขวดละไม่เกิน80บาท เป็นยาน้ำผสมน้ำแล้วใช้ได้ 7 วัน ต้องทิ้งเลย ส่วนมากหมอจะจ่ายให้ในการรักษาคู่กับ ไรหู เชื้อรา เยื่อบุผิวหนังต่างๆ แผลในช่องปาก ส่วนกรณีคันผิวหนังตามผิวหนังหมอจะจ่ายคู่กับแก้แพ้ chlorpheniramine maleate แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น

Cavumox156ml
ยาแก้อักเสบฆ่าเชื้อ ติดเชื้อต่างๆ ขวดละไม่เกิน 80 บาท แนะนำให้ซื้อของบ.สยามฟามาซูติคอลจะถูกกว่ายี่ห้ออื่น เป็นยาน้ำผสมน้ำแล้วใช้ได้ 7 วัน ต้องทิ้งเลย เวลาที่ตาอักเสบขี้ตาเขียว รวมถึงมีอาการบวมที่ตาด้วย หรือมีน้ำมูกเขียวกินคู่กับแก้แพ้ chlorpheniramine maleate ท้องเสียรุนแรง แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น

Disento
เป็นยาแก้ท้องเสียรักษาเชื้อบิด เป็นยาน้ำ ขวดประมาณ 20 บาท แก้ท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำมีมูกเลือดกินต่อเนื่อง7วันเพื่อฆ่าเชื้อบิดให้หมด ครวกินคู่กับ Cavumox เพื่อคุมเชื้อด้วย กินเช้าเย็น ท่าหนักก็เสริม คาวูม็อกซ์ซักครั้ง แมวเด็ก ครึ่งcc แมวโต1-2cc เช้าเย็น

poly-oph
ยาหยดตา ฝาสีฟ้า ขวดละ 22-35 บาท รักษาอาการตาเจ็บ ตัวนี้ค่อนข้างปลอดภัยไม่แรงมากแมวเด็กใช้ได้ หยดวันละสามถึงสี่รอบ

terramycin
ขี้ผึ้งป้ายตา หลอดละ 20 บาท ใช้ป้ายทุกเช้าเย็น ถ้าหากมีอาการอักเสบมาก กินยาCavumoxช่วยวันละครั้ง (ทำความสะอาดตาก่อนป้ายขี้ผึ้งด้วยนะ)

potal
น้ำยาล้างตา ขวดละไม่เกิน50บาทใช้เช็ดตาทุกเช้าสำหรับแมวที่มีน้ำตาเยอะ ค่อนข้างดีกับแมวไม่ระคายเคลือง

desoryl
ยารักษาไรหู ขวดประมาณ 200 บาท(หมอคิดตั้ง 350) หาชื้อได้ตามร้านแพ็ทช้อป หยดทุกวันติดต่อกันสองอาทิตย์ เช้าเย็น ก่อนหยดควรทำความสะอาดหูให้เรียบร้อยก่อน

sporal 100
ยาเชื้อรา สำหรับคน ถ้าติดจากแมว กินเช้าเย็นเลย เวลาเป็นจะคันมาก(เพราะเคยเป็นมาแล้ว) ต้องกินยาสองอาทิตย์เลย ทาคันมากใช้คาเนสเทน ช่วยบรรเทาอาการตคัน ทาบ่อยๆ สำคัญมากเพราะทายาเดียวไม่หาย


ปล.ยาทั้งหมดนี้เป็นยาที่หมอจัดให้แมวที่บ้านที่เคยป่วยมาทั้งนั้นจ๊ะ ซื้อติดบ้านไว้ประหยัดกว่าไปหาหมอกว่า แต่ท่ารักษาเอง3-4 วันอาการไม่ดีขึ้นแนะนำพาให้หาหมอตรวจหาต้นเหตุดีกว่านะค่ะ

ที่มา : www.trangpets.com

ในส่วนตัวของ WM เองที่จะมีติดบ้านเพิ่มคือ
Tofedine 6 มก.  (1 เม็ด สำหรับแมว/สุนัข ที่มีน้ำหนัก 1.5 กก.)  (ยาสัตว์)
เป็นยาบรรเทาปวด ลดไข้สำหรับลูกสุนัขและแมวโดยเฉพาะ WM จะใช้ในเวลาที่แมวที่บ้านมีอาการตัวร้อนจัด  แต่หากทานแล้วอาการตัวร้อนยังไม่ยอมลด หรืออาการไม่ดีขึ้น ก็ควรรีบพาไปหาหมอเร็วที่สุด  ยานี้ค่อนข้างอันตราย ควรอ่านข้อบ่งใช้ก่อนใช้ยา และไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 3 วัน

Rowatinex  (ยาคน)
เป็นยาลดการหดเกร็งของท่อทางเดินปัสสาวะ และอาการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดนิ่ว และยังช่วยละลายและขับก้อนนิ่วในไต กินครั้งละ 1 เม็ด เช้า และเย็น  WM จะใช้ในกรณีที่แมวมีอาการฉี่ไม่ค่อยออก ฉี่กระปริบประปรอย  หรือมีอาการเบ่งฉี่  แต่หากทานแล้วภายใน 1-2 วัน อาการไม่ดีขึ้น ก็ต้องรีบพาหาหมอ

Baytrill 50 mg  (ยาสัตว์)
เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ตัวยาที่ออกฤทธิ์คือ Enrofloxacin  คุรหมอมักจะจ่ายยาตัวนี้มาให้ในกรณีที่มีการติดเชื้อ เช่นฝี หนอง ท้องเสีย  หรือมีการอักเสบติดเชื้อ WM จึงมักจะมียาตัวนี้ติดบ้านอยู่เป็นประจำ กินครั้งละ ครึ่งเม็ด วันละครั้ง ( 1 เม็ด / นน. 10 กก.)

Hepalac (ยาคน)
สำหรับน้องแมวที่มีอาการถ่ายไม่ออก ท้องผูก หรือถ่ายลำบาก เพราะอุจจาระแข็ง เป็นยาที่ช่วยทำให้อุจจาระนิ่มตัว ทำให้ถ่ายง่ายขึ้น ในกรณีที่ไม่ท้องผูกมาก กินครั้งละ 3 ซีซี วันละ 1 ครั้ง หากมีอาการท้องผูกมาก กินครั้งละ 4-5 ซีซี วันละ 1 ครั้ง
Trinolone (ไตรโนโลน ชนิดป้ายปาก) (ยาคน)
เป็นยาป้ายปาก เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ อาการปวด บนเยื่อบุภายในปาก หรือบนลิ้น ที่เกิดจากสาเหตุ เช่นถูกความร้อน ฟันขบ ถูกสารเคมี อาหารไม่ย่อย  แต่ห้ามใช้กับแผลภายในปากที่เกิดจากเชื้อไวรัส  น้องแมวที่มีอายุมาก หรือน้องแมวที่ป่วย มักจะมีอาการปากเป็นแผล หรือลิ้นเป็นแผล บีบยาใส่ค็อตต้อนบัด หรือนิ้วมือ ป้ายเข้าไปในช่องปากหรือลิ้น  น้องเหมียวอาจจะมีอาการน้ำลายฟูมปาก ไม่ต้องตกใจน่ะค่ะ ไม่ได้มีอันตราย เพียงแค่เขาไม่ชอบกลิ่น และรสชาด (เมนทอลนิดๆเย็นหน่อยๆ)

การใช้ยาทุกชนิดต้อง ใช้ด้วยความระมัดระวัง และควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอ หากใช้ยาแล้วไม่ได้ผลภายใน 1-2 วัน ควรรีบพาน้องเหมียวของท่านไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.rakmaw.com

Thursday, January 24, 2013

การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น

การรักษาพยาบาลแมวเบื้องต้น



วิธีการให้ยาและปริมาณที่ต้องให้ การรักษาเบื้องต้น หาก 3 วันอาการไม่ดีขึ้นต้องพาไปพบหมอ

เป็นหวัดแค่จามมีน้ำมูกใส ให้ ฟูมูซิล หรือ เฟลมแม๊กซ์ คู่กับ คอเฟแก้แพ้อากาศ
- ฟูมูซิล 100 mg ยาผงเป็นซองเป็นยาละลายเสมหะ ผสมน้ำ 50 cc.
ป้อนง่าย เป็นน้ำส้ม แมวไม่ค่อยขัดขืน
แมวเล็กตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปครั้งล่ะ 1/2 cc แมวเด็กโตอายุ 3 - 8เดือน ครั้งละ 1-2 cc แมวโต ครั้งละ 2-3 cc ป้อน 2- 3 เวลา
- เฟลมแม๊กซ์ ยาน้ำ ยาแก้ไอละลายเสมหะแบบน้ำปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. ให้เช้า-เย็น ยาน้ำตัวนี้เหมาะรักษากับลูกแมว
- เฟลมแม๊กซ์ ยาเม็ด เป็นยาแก้ไอละลายเสมหะ แบบเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น
- Chlorpheniramine ยาน้ำ เป็นยาแก้แพ้อากาศช่วยลดน้ำมูก
- Chlorpheniramine ยาเม็ด ปริมาณ 1 เม็ด ต่อ นน. 5 กก. ให้เช้า-เย็น ยาเม็ดตัวนี้เหมาะรักษากับแมวโตจะดีกว่า

** *ถ้ามีน้ำมูกข้นเขียวต้องเพิ่มยากลุ่มปฎิชีวะนะ เริ่มจากกลุ่มที่ 1 ก่อนถ้า 3 วันไม่ดีขึ้นค่อยเปลี่ยนกลุ่มตามลำดับต่อไป

- กลุ่ม 1 ตัวนี้จะมีรสออกขมหน่อย ป้อนแล้วชอบน้ำลายฟูมปาก
โทเฟ๊กซ์ดาย 156ml ยาน้ำ ปริมาณ 1 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวเด็ก)
โทเฟ๊กซ์ดาย 250ml ยาน้ำ ปริมาณ 0.5 cc / น้ำหนัก 1 กก. (สำหรับแมวโต)

- กลุ่ม 2 ที่บ้าน รสชาติดีกว่า
คาวูม๊อกซ์ 156ml ปริมาณ 0.5 cc/ นน. 1 กก.

- กลุ่ม 3 ตัวนี้จะแนะนำสำหรับแมวโตจะดีมาก เป็นหวัดให้คู่กับเฟลมเม๊กซ์แบบเม็ด กินไปเลย 14 วัน ได้ผลมาก
ด๊อก ซี่ 100 ml จะเป็นตัวยาเดียวกับยากางปลาที่หมอชอบให้ ก้านนึง 200 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นเม็ดแบบราคาจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท ใช้รักษาพยาธิเม็ดเลือดได้ด้วย
ยาเม็ด ยาปฏิชีวนะ 1 เม็ด / น้ำหนัก 10 กก.
***ยาปฏิชีวะนะ ให้เช้า-เย็น ต้องให้กินติดต่อกันจนครบ 7 วันขึ้นไป ถ้าจะดีต้อง 14 วันเลย แม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม

ท้องเสีย ติดเชื้อ
- ไดเซ็นโต้ รักษาอาการบิด อึปนมูกเลือดเหม็นคาวอย่างแรง เป็นยาเม็ดสีเหลือง ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
- นอร์ฟ๊อกซ์ 200 ml เม็ด เป็นยาปฏิชีวะนะ ยาฆ่าเชี้อ ปริมาณ 1เม็ด / น้ำหนัก 5 กก.
กินคู่กัน ทุกเช้า –เย็น ควรกินให้ครบ 7 วัน

ผิวหนังอักเสบ เชื้อรา
- นิวฟูลวิน เป็นยารักษาเชื้อราเม็ดสีขาว ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก.
กินหลังอาหารทันทีกินคู่กับยาบำรุงตับซับมารินเม็ดสีชมพู แมวโตแบ่ง 2/เม็ด แมวเด็กแบ่ง 4/เม็ด ติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 อาทิตย์
การรักษาเชื้อราต้องกินยาต่อเนื่องอย่างน้อย 3 อาทิตย์ขึ้นไป และต้องกินคู่กับยาบำรุงตับด้วย
รักษาควบคู่กับการอาบน้ำด้วยแชมพูยา อย่างต่อเนื่อง

อาหารคันหู ไรหู ติดเชื้อเยื้อบุช่องหู
- Dexoryl หาซื้อตามร้านสัตว์แพทย์ ขวดเล็กสีขาว ฉลากน้ำเงิน ยาหยอดไรหู 4วันแรก หยอดทุก เช้า- เย็น ควรเช็ดทำความสะอาดหูก่อนหยอด หลังจากนั้นหยอดติดต่อกันอีก 10 วัน (ถ้าเป็นเยอะควรให้ โทเฟ๊กซ์ หรือ คาวูม๊อกซ์ คุมการติดเชื้อไว้ด้วย)

ตาเจ็บ
- เจนตร้ามัยซิน หรือ คอแลมเฟนิคอล ยาหยอดยา 3 เวลา ในสามวันแรก หากยังไม่ดีขึ้นให้เปลี่ยนมาใช้ โทเบ๊กซ์หยอดแทน หลังจากนั้นหยดเช้าเย็น จนครบ7วัน หรือจนหายดี ถ้าเป็นมากให้ป้ายขี้ผึ้งยา โทเบ๊กซ์ เพิ่มด้วย
อีกอย่างที่ควรมีติดไว้คือน้ำตาเทียมแบบครีม แมวเวลาตาเจ็บตาจะชอบปิดคะ เอาน้ำตาเทียมทาล่อลื่นไว้ไม่ให้ขอบตาเค้าแห้ง

มีไข้สูง
- ทอฟีดีน อย่างเม็ด เป็นยาของสัตว์ปริมาณ 1เม็ด / นน. 5 กก.
กินได้แค่สามวัน ห้ามให้เกิน 3 วัน หากเกินนั้นจะอันตรายมาก ต้องให้สัตว์แพทย์เป็นคนจัดให้
- ไอบูโทเฟ่น ยาน้ำลดไข้เด็ก (ของคน) ขวดเล็กๆ ปริมาณ 0.5 cc / นน. 1 กก.ควรมีติดบ้านไว้

ยาถ่ายพยาธิ
- ด็อนทอลพลัส ตัวนี้เป็นยาของสัตว์ดีมากๆ ปริมาณ 1เม็ด / นน. 4 กก. ถ่ายได้ตั้งแต่แมวอายุ 6 อาทิตย์ขึ้นไป
- พาเล็ท ยาน้ำของเด็ก (ของคน) สำหรับแมวเด็กควรใช้ ในปริมาณ 0.2-0.3 cc ถ่ายพยาธิตั้งแต่อายุ 1 เดือน แล้วทำทุก 2 อาทิตย์ จนครบอายุ 3 เดือน สำหรับแมวโตถ่ายพยาธิทุก 3 เดือน หรือหยดเรฟโวรูชั่นสลับกันไปได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.catandkittenstory.com (เครดิตพี่รุ่ง กรุงสยามฟาร์ม)

เรื่องน่ารู้ของน้องแมว


1. แมวจะไม่ทักทายกันโดยการสัมผัสทางจมูก
      
สาเหตุ ที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง

2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย

ส่วน ใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่

3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์

เจ้า เหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง

4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้
แมว ที่อายุยังน้อย จะครางได้เสียงเดียว ไม่มีเสียงสูง-เสียงต่ำ อะไรทั้งนั้น  ในขณะที่แมวอายุมากขึ้น จะสามารถครางได้หลายสุ้มเสียง เสียงทุ้มบ้าง แหลมบ้าง ก้องบ้าง แตกต่างกันไปตามอารมณ์ของมัน

5. เสียงครางของแมว เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ?
จน ถึงทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของเสียงครางครืด ๆ ในลำคอของเจ้าเหมียวว่ามันมาจากอวัยวะส่วนไหน แม้ว่าบางคนจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในระบบหัวใจและหลอดเลือด มากกว่าที่จะเกิดขึ้นในลำคอก็ตาม แต่ปัจจุบันก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
                                                 

6. แมวเลือกเสียงครางเวลาจะเล่นกับเจ้าของ

เวลา ที่เจ้าเหมียวอยากจะส่งเสียงครางออดอ้อน ออเซาะ คลอเคลียกับเจ้าของ มันจะใช้โทนเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ เหมือนกับมันยังเป็นลูกแมวอยู่ แต่ถ้าพวกมันเล่นกับแมวด้วยกันเอง มันจะใช้โทนเสียงผู้ใหญ่นี่แหละ เพราะไม่ต้องไปออดอ้อนใครล่ะมั้ง

7. ช็อกโกแลต ของอันตรายสำหรับแมว

ถ้า คุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบกินช็อกโกแลต ก็ขอให้เก็บช็อกโกแลตไว้ให้พ้นสายตาหรือจมูกของเจ้าเหมียวให้ดี เพราะช็อกโกแลตที่แสนอร่อยของเรานั้น กลับเป็นอันตรายต่อแมว เพราะเมื่อแมวกินช็อกโกแลตจะทำให้มันป่วยหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
8. แมวชอบงีบมากกว่านอนยาว

ถ้า ใครที่เลี้ยงแมว คงจะรู้ว่า แมวนั้นขี้เซาจริง ๆ เล่นกันอยู่ซักประเดี๋ยว หันไปอีกที มันก็แวบไปหาที่นอน แต่ความจริงแล้ว มันไปงีบต่างหากล่ะ เพราะแมวชอบงีบมากกว่านอนหลับไปเลย แต่ถ้ามันไปนอนหลับจริง ๆ และหลับลึกพอแล้วล่ะก็ มันก็จะฝัน เพราะการฝันช่วยให้มันผ่อนคลายความรู้สึกตื่นเต้นหรือตกใจกับเหตุการณ์ที่ มันพบเจอมาในวันนั้นนั่นเอง
9. แมวไม่ชอบสบตาใคร
พฤติกรรม อย่างหนึ่งของแมวที่คุณอาจจะยังไม่รู้ ก็คือ แมวจะกระพริบตาและหรี่ตาก็เมื่อมันต้องมีเหตุให้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น เวลามันเจอแมวที่ไม่รู้จักกัน แต่บังเอิญหันมาสบตากันเป๊ะ มันก็จะหรี่ตาแล้วก็หันไปทางอื่น หรือแม้กระทั่ง ถ้าคุณลองจ้องตามัน มันก็จะกระพริบตา หรี่ตา และก็เบือนหน้าไปทางอื่น อ่ะ.. ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปทำจ้องตามันดูนะ
10. จังหวะการเต้นของหัวใจน้องเหมียว
โดย เฉลี่ยแล้ว อัตราการเต้นของหัวใจของแมวจะอยู่ที่ประมาณ 160-240 ครั้งต่อนาที แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับช่วงชีวิตของมันด้วย ซึ่งยิ่งมันมีอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจมันก็จะเร็วกว่าแมวที่มีอายุมากแล้ว

11. แมวไม่เข้าใจว่ามันกำลังถูกทำโทษ!
บาง ทีเจ้าเหมียวที่คุณเลี้ยงน่ะ ก็ดื้อซะเหลือเกิน ฝนเล็บที่โซฟาตัวโปรดของคุณบ้างล่ะ วิ่งเล่นชนข้าวของกระจายบ้างล่ะ แต่ถึงแม้คุณจะตี จะทำโทษมันซักเท่าไหร่ มันก็ไม่เข้าใจหรอกนะ ดังนั้น ควรเปลี่ยนมาชมมันหรือให้รางวัลมันเวลามันทำตัวดี แทนการตีมัน น่าจะดีกว่านะ

12. เคี้ยวเนื้อดิบเสริมสร้างสุขภาพฟัน

คุณ รู้หรือไม่ว่า การให้เนื้อดิบ ๆ แก่เจ้าเหมียวไปแทะ ไปเคี้ยวเล่นทุกวัน เป็นการช่วยรักษาสุขภาพเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีเสมอนะจะบอกให้ เนื้อที่เหมาะแก่การเคี้ยวของเจ้าเหมียวนั้น ควรเป็นเนื้อสัตว์ปีก เนื้อวัว หรือเนื้อกระต่าย แต่อย่าลืมเอากระดูกออกให้หมดก่อนโยนให้มันล่ะ เพราะแมวไม่ใช่หมานะจ๊ะที่จะชอบแทะกระดูกน่ะ
13. แมวทนร้อนได้ดีจัง เพราะอะไรกันนะ?
ถ้า คุณเคยตั้งข้อสงสัยว่า แมวของคุณทำไมถึงทนร้อนได้ดีเหลือเกิน โปรดจงรู้ไว้ว่า นั่นก็เพราะบรรพบรุษของแมวเมื่อครั้งก่อนนู้นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเล ทรายมาโดยกำเนิดนั่นเอง
 Credit : http://board.postjung.com/605472.html

วิธีดูแลลูกแมว

วิธีเลี้ยงน้องเหมียวน้อย[ลูกแมว]



แมว เป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์นิยมนำมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนมากอีกชนิดหนึ่งรอง จากสุนัข เมื่อเรานำมาเลี้ยงแล้ว คงต้องมีความรู้เกี่ยวกับแมวให้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติกับมันอย่างดี มีผลถึงสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของเจ้าเหมียวดีขึ้น

การเลี้ยงลูกแมว กำพร้าแม้ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง


1.โภชนาการและการหย่านม
2.สุขอนามัย
3.อุณหภูมิและความชื้น
4.การป้องกันโรค
5.การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม

ลูก แมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา


โภชนาการและการหย่านม

ลูก แมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้

การให้อาหารแบบ หลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดย่างไม่ตั้งใจทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำมันผาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบาๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ

ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ

ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง

ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่

ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง

ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์

สัญญาณ แรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น

สุขอนามัย

ลูก แมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมากๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก

อุณหภูมิและความชื้น

ลูก แมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูง เกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้นเพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง จนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97 องศาฟาเรนไฮต์

ควรรักษาความชื้น โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว

การป้องกันโรค

ลูก แมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดีมากมาย ซึ่งแอนติบอดีจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์

การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม

เรา ควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษที่สุด
---------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก
www.vet.ku.ac.th
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://nampingpasusad.co.th